
“แกงมัสมั่น” เมนูที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ CNNGO ในช่วงปี 2011 เดิมทีแกงมัสมั่นนั้นเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทยมุสลิมเรียกแกงชนิด
นี้ว่า ซาละหมั่น โดยในภายหลังได้มีการปรับปรุงวัตถุดิบและรสชาติบางส่วนของแกงให้ถูกปากของคนไทยมากขึ้นซึ่งจะมีรสชาติที่ออกหวานมากกว่า ในขณะที่ตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิมรสชาติจะเค็มและมีความมันมากกว่าในระดับหนึ่ง และเพราะความอร่อยของมันแกงมัสมั่นจึงกลายเป็นเมนูที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกในที่สุด แน่นอนว่าเมนูที่อร่อยระดับโลกขนาดนี้ทาง Cruise Restaurant จึงไม่
พลาดที่จะนำเมนูนี้มาเสิร์ฟความอร่อยให้กับลูกค้าของทางร้านด้วยเช่นกัน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปพิสูจน์กันว่าแกงมัสมั่นในแบบของร้านเราจะมีรูปแบบอย่างไรจะอร่อยสมกับคำร่ำลือจริงหรือไม่งานนี้เราไปพิสูจน์กัน
เลยดีกว่า
เริ่มต้นตั้งแต่การเลือกสรรค์วัตถุดิบทุกอย่างตามแบบฉบับไทยเดิม การทำน้ำแกงของทางร้านถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องเทศและพริกแกง พร้อมด้วยผักสดปลอดสารพิษมากมายหลายชนิดที่ส่งตรงมาจากโครงการหลวงไม่ว่าจะเป็น แครอท มันฝรั่ง รวมไปถึงถั่วลิสงที่ทางร้านคั่วเองจนสุกและส่งกลิ่นหอม เสร็จแล้วจึงนำไปแกงกับน้ำกะทิคุณภาพที่เป็นจุดเด่นเพิ่มความมันและเข้มข้นให้กับแกงมัสมั่น ทำให้น้ำแกงที่ได้ออกมามีความหวานอ่อนๆ จากผักสด ความมันจากกะทิ รวมไปถึงรสชาติจากเครื่องเทศต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบและอีกหนึ่งความพิเศษของแกงมัสมั่นจากทางร้านในการปรุงรสชาติของแกง คือการใช้น้ำตาลมะพร้าวที่ให้รสชาติหวานพอดีแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แทนการใช้น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทรายขาวที่จะให้รสชาติหวานแบบโดดๆ ก่อนจะเติมน้ำมะขามเปียกสักเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวตัดกับความหวาน มัน เค็ม ตามแบบฉบับไทยเดิม พูดมาขนาดนี้แล้วหากคุณกำลังคิดถึงรสชาติในวันวานรับรองได้เลยว่าแกงมัสมั่นจานนี้จะต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน…ถ้าจบไปแบบนี้แกงมัสมั่นจานนี้คงจะสมบูรณ์แบบไม่ได้หากขาดวัตถุดิบหลักสำคัญอย่าง
เนื้อไก่ที่ไว้ทานคู่กับน้ำแกงกะทิ ทางร้านของเราได้ใช้เนื้อไก่น่องโตที่คัดสรรค์มาเป็นอย่างดี และสำหรับเนื้อไก่ที่เป็นไฮไลท์ของแกงมัสมั่นไก่ แน่นอนว่าทางเราไม่ได้นำเนื้อไก่ไปแกงรวมตามปกติเพราะทางร้านมีขั้นตอนพิเศษในการทำไก่ขึ้นมาก่อนจะนำไปแกงรวมกัน โดยเราจะนำน่องไก่ที่เตรียมเอาไว้ไปทอดจนให้มีสุกพอประมาณเสียก่อน และด้วยขั้นตอนนี้จึงทำให้หนังของไก่ไม่หดเวลานำไปทำแถมตัวเนื้อไก่ที่ได้ออกมายังสามารถดูดซึมรสชาติของน้ำแกงได้ดีขึ้น ก่อนจะนำเสิร์ฟความอร่อยตามแบบต้นตำรับถึงบนโต๊ะอาหารของคุณ